วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เรื่องเล่าสุดหลอนจากญาติผู้ใหญ่

สวัสดีค่ะ วันนี้ก็มาพบกับเรื่องเล่า ตำนาน ลี้ลับอีกแล้วนะคะ มาดูว่าวันนี้จะมีเรื่องเล่าหลอนๆเรื่องอะไรมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน ไปดูกันเลยจ้าาาา

ผีกะ เรื่องเล่าสุดหลอนจากญาติผู้ใหญ่


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เรื่อง เล่า ผี กะ

เรื่องเล่าจากญาติผู้ใหญ่ที่ท่านเจอมาด้วยตัวท่านเองด้วยความที่อยู่บ้านนอก ในยุคก่อนๆคงจะเดากันได้ว่า ป่าจะค่อนข้างเยอะและที่พื้นที่ในการปลูกบ้านสมัยก่อนต้องอาศัยการจับจอง และแผ้วถางเอง
ดังนั้นบริเวณของเราเลยเป็นทุ่งนาที่ติดกับภูเขา และในบริเวณนั้นอยู่กันแค่เครือญาติเพียวๆไม่มีคนนอกสายเลือดเลย…
ภาคเหนืออย่างที่รู้ๆกันดีว่า เรื่องเล่า ผีสาง ค่อนข้างเยอะ ยอดฮิตเลยก็คือ “ผีกะ”
ผีกะของภาคเหนือนี้จะอารมณ์คล้ายๆกับผีปอบ แต่น่าจะมีที่มามาจากผีบรรพบุรุษที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้
แล้วเลี้ยงไม่ดีจึงหันมากินเครื่องในลูกหลานแทน ทั้งนี้ผีกะยังสามารถจำแลงเป็นสัตว์ต่างๆได้ด้วย
คนที่เลี้ยงผีกะจะมีสิ่งให้จับสังเกตคือ กลางวันจะหน้าตาธรรมดาไปถึงแย่ แต่พอตกดึกเท่านั้นแหละ
จะหน้าตาหล่อสวยกันขึ้นมาทันที และอีกสิ่งหนึ่งตามที่ได้ยินเขาเล่าๆสืบกันมาคือคนที่เลี้ยงผีกะจะมีวอก(ลิงขนาดเล็ก)นั่งอยู่บนบ่าคอยเลียหน้าตาเจ้าของและเวลาไปไหนมักจะมีนกแสกบินนำเสมอ
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า….
บ้านใกล้เรือนเคียงที่เป็นเครือญาติ มีป้าสะใภ้คนหนึ่ง แต่งงานเข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านนี้
(สมัยนั้นเรายังไม่เกิดเลยจ๊ะ) เป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดา บ้านๆ ตัวเล็กๆ ผิวสองสี
ขอแทนแกว่า “ป้าท้อ” ละกันนะคะ
ป้าท้อเป็นคนที่ขวัญอ่อน และปากไว ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ว่าแกไปทำอะไร
อีท่าไหน ถึงได้ไปถูกตาต้องใจ “ผีกะ” ตัวหนึ่งเข้า
ด้วยความที่พื้นที่แถวบ้านป่าค่อนข้างเยอะ บวกกับเป็นพื้นที่จังหวัดที่เปิดทำ
เฟอร์นิเจอร์ไม้สักอย่างถูกกฎหมาย ป่าสักจึงมหาศาลทุกข้างทางถนน
หลังจากออกไปข้างนอกกลับมา ป้าท้อมีอาการแปลกๆ ดูลุกลี้ลุกลน ปากก็พร่ำบอกแต่ว่า “มีคนตามมา”
ไม่หยุดปาก ผัวแกหรือก็คือ “ลุงราม” (นามสมมุติ) ก็วิตกว่าเมียเป็นอะไร ทำไมพูดจาประหลาดๆ
ด้วยความไม่เชื่อ เลยนิ่งเฉยปล่อยให้ป้าท้อแกเพ้ออยู่อย่างนั้น จนฟ้าเริ่มมืดแล้วเข้านอน
คืนนั้นป้าทอไม่สงบเลย นอนไม่ได้หวาดกลัวทุกสิ่ง จนกระทั่งเช้า
ลุงรามเลยนำเรื่องนี้ไปปรึกษาแม่ของแก คือยายสาตัวของยายสานั้น แต่นับถือศาสนาคริสต์ และเป็นเพียงคนเดียวในบ้านตอนนั้นที่ไม่นับถือศาสนาพุทธตามลูกผัว เพราะตระกูลของแก (หรือก็คือตระกูลเดียวกับเรานี่แหละ)นับถือศาสนาคริสต์กันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ….
แกจึงบอกให้พิสูจน์เสียด้วยการ นำแป้งฝุ่นไปโรยไปตรงขั้นบันไดบ้าน ซึ่งบ้านของลุงรามและป้าท้อเป็นบ้านไม้ บันไดซึ่งเป็นซี่ๆโปร่งๆ คงพอนึกกันออกนะคะ หลังจากโรยแป้งเสร็จ ก็ให้ป้าท้อเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสองเพียงคนเดียวแล้วก็เกิดสิ่งประหลาดที่ทำให้ทุกคนแทบหยุดหลายใจ…
รอยเท้าขนาดใหญ่ ปรากฏตามหลังป้าท้อไปติดๆ แกที่หันมาเห็นก็ทรุดฮวบลงเลยด้วยความกลัว
ทีนี้ปากก็พร่ำแต่พูดว่า “มันจะมาเอากูไปๆ” จนลุงรามอยู่ไม่สุข ต้องรีบพาแกไปหาพระแถวบ้าน..
แต่จนแล้วจนรอด เจ้าผีตัวดีก็ไม่ยอมออกไป ทั้งยังสำแดงเดชอาละวาด เข้าสิงไม่หยุดหย่อน            เจ้าผีกะตัวปัญหา มีการแอบอ้างเท้าความไปว่า ป้าท้อเมื่อชาติที่แล้วเคยอยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกับมันมาก่อน..มันตามหามานานแสนนาน และวันนี้มันเจอแล้ว มันจะเอาป้าท้อไปอยู่ด้วย!!!
อาการของคนผีเข้าก็จะมีลักษณะอาการที่ต่างกันออกไป บ้างร้องไห้ คำราม กรีดร้อง
แต่ของป้าท้อแสดงออกมาในลักษณะอาการขึงขัง บึ้งตึง มันตีอกชกหัวจนร่างกายแกบอบช้ำไปหมด
เดือดร้อนผัวแกกับบรรดาญาติๆต้องพากันกดจับแกไว้กับที่พระประจำวัดนี้ ท่านก็ทั้งพรมน้ำมนต์ สวดคาถาใช้สารพัดวิธีต่างๆขับไล่แต่ยิ่งกลับทำให้มันอาละวาดหนักขึ้น.. จากท่าทีบึ้งตึง เปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยวดูถูก เสียงหัวเราะเย้ยหยันของผู้ชายดังออกมาจากปากของป้าทอสนั่นไปทั่วลานวัด                  “กูไม่กลัวหรอก เป็นแค่พระกระจอกๆมาไล่กู” ด้วยจนปัญญา พระท่านเลยสุดจะทานทน ท่านเลยแนะนำให้ไปหาพระเกจิดังๆท่านอื่น ลุงรามเลยต้องพาร่างป้าท้อที่มีผีกะแฝงอยู่ย้ายไปยังอีกวัด แต่จนแล้วจนรอดก็อีหรอบเดิมยิ่งพระเก่งมากเท่าไหร่มันยิ่งสำแดงเดชมากเท่านั้น ถ้อยคำท้าทายมากมายถูกพ่นออกมาไม่หยุดหย่อน จนวันทั้งวันนั้น สุดท้ายลุงรามเลยจำใจต้องพาป้าท้อกลับบ้านมาก่อน  พอมาถึงบ้านได้ มันก็ยอมออกแต่โดยดี แต่ยังคงวยเวียนอยู่ใกล้ๆป้าท้อ ทั้งทำเสียงโครมคราม เสียงกระทืบเท้าและจะหนักข้อขึ้นเมื่อลุงรามมาอยู่ใกล้ๆแก เมื่อพึ่งพระไม่ได้ ลุงรามเลยเบนเข็มไปทางหมอผีแทน…
เช้าวันถัดมา ลุงรามพาป้าท้อเดินทางข้ามอำเภอไปหาหมอผีชื่อดังเจ้านี้
ตลอดทางป้าท้อก็บ่นพึมพำแต่ว่ามันอยู่ตรงนั้น ตรงนี้ จนทุกคนพากันขวัญผวาไปหมด
จากร่างกายที่เคยเต็มอิ่ม ตอนนี้ป้าทอผอมซูบทั้งๆที่ผ่านไปยังไม่ถึง 3 วันด้วยซ้ำ มาถึงตาของหมอผี อย่างที่เรารู้ๆกันว่าพวกที่เขามีวิชาอาคม มักจะมีสารพัดสิ่งของขลังไว้ใช้รวมถึงหมอท่านนี้ด้วย เริ่มแรงด้วยงาช้างนำมาทิ่มแทงตามร่างกายพอกระทิบกับผิวหนังป้าท้อเท่านั้น มันก็โผล่มาสิงอย่างกับนัดหมายกันไว้ ไม่มีแม้แต่เสียงร้องโหยหวน มีเพียงเสียงหัวเราะแหบห้าวกังวานแทน มันเริ่มท้าทายอาจารย์หมอท่านนี้ทันที
ดังนั้นสารพัดของขลังจึงประโคมใส่ร่างป้าท้อไม่หยุด หากแต่ผลก็ยังเหมือนเดิม…
มันไม่ออก และไม่ยอมไปไหน!!!
เมื่อหมอผีเจ้าแรกปราบไม่ลง เจ้าที่สอง สาม และสี่จึงตามมา แต่ทุกครั้งผลลัพท์ก็ออกมาแบบเดิม
จนเจ้าสุดท้ายถึงกับเอ่ยออกมาว่า “ตอนมีชีวิตเป็นคน มันก็คงมีวิชาไม่งั้นไอ้ผีกะตัวนี้มันคงทนไม่ไหว”
ราวกับคำสรรเสริญเยินยอ มันตีอกชกมือพอใจ บอกว่าอย่าพยายามมาขัดขวางทางรักของมัน
ยังไงซะมันก็จะเอาป้าท้อไปเป็นเมียมันเสียให้ได้ ลุงรามที่จนปัญญา เมื่อทำอะไรไม่ได้
เลยจำใจต้องพาป้าท้อและผีกะตัวนี้กลับบ้านอีกครั้งพูดถึงยายสาที่รออยู่บ้าน หลังจากลูกชายพาสะใภ้แกหายไปเกือบทั้งวัน ก็นั่งคิดนอนคิดไม่ตกเลยมาหายายของเราที่บ้าน ขอคำแนะนำปรึกษา ซึ่งอย่างที่เคยเกริ่นไว้ว่าบ้านของเรานับถือศาสนาคริสต์กันหมด จึงเลยเอยด้วยการแนะนำให้พาป้าท้อไปที่โบสถ์(ที่ประกอบพิธีของศาสนาคริสต์ บ้านเรานับถือนิกายโปเตสแตนท์นะคะ เป็นคริสเตียน)
เช้าวันรุ่งขึ้น ยายสาเลยพาลุงรามและป้าท้อเดินทางไปที่โบสถ์ใกล้บ้าน ซึ่งทางนั้นเอง
ก็ได้รับการติดต่อมาแล้วว่ายายสาจะพาสะใภ้มาเนื่องจากโดนผีเข้า พอไปถึงทุกคนไม่รอช้า
พาป้าท้อเข้าไปด้านใน ตรงแท่นพิธีจากนั้นศาสนาจารย์ (คล้ายๆบาทหลวง แต่ไม่ใช่นะคะ)
ทั้งหลายท่านก็เริ่มทำการอธิษฐาน อย่างที่รู้ๆกันมานั่นแหละค่ะ ว่าชาวคริสต์จะมีการอธิษฐานกันอยู่เนื่องๆทั้งสารภาพบาป อ้อนวอน และต่างๆนาๆ ก็คงจะคล้ายๆการสวดมนต์ของชาวพุทธ ซึ่งในครั้งนี้ศาสนาจารย์ทุกคนจึงพากันอธิษฐานช่วยป้าท้อในการขับไล่ผีกะอย่างเต็มที่
หลายๆคนอาจจะงงว่า มันเกี่ยวอะไร ช่วยได้ตรงไหน เราขออธิบายแบบรวดรับเลยนะคะ…
ในศาสนาคริสต์ เราจะไม่มีการนับถือผี เพราะเราเรียกสิ่งเหล่านั้นว่าวิญญาณนะคะ
เมื่อเรานับถือพระเจ้า ผีจึงไม่กล้ามายุ่งเกี่ยวค่ะ หากแต่ยังขัดแย้งเพราะเห็นในหนังฝรั่งก็ยังโดนผีเข้ากันโครมๆ นั่นไม่ใช่ผีนะคะ สิ่งเหล่านั้นคือ สาวกและซาตานค่ะ (แล้วมันคืออะไร ไปหาอ่านเอาค่ะ เราไม่รู้ลึกซึ้งในเรื่องนี้เลย) ดังนั้นการอธิษฐานขับไล่ มันจึงเป็นเรื่องปกติ
การอธิษฐานขับไล่เริ่มต้นขึ้น และถูกแทรกด้วยเสียงร้องของป้าท้อเสียงใหญ่แหบแผดร้องอย่างกับเจ็ดปวด ร่างของป้าท้อดิ้นทุรนทุรายปากก็บอกพอแล้วกลัวแล้ว ไม่หยุด ลุงรามที่ยืนดูอยู่ก็พยายามจะเข้าไปช่วยเมีย แต่ยายสาก็รั้งลูกชายแกเอาไว้ บอกให้ทนถ้าอยากให้ป้าท้อรอด..
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ สุดท้ายผีกะตัวนี้มันเริ่มพ่ายแล้วก็ถอยออกไป
ป้าท้อที่ได้สติก็พรั่งพรูน้ำตาออกมาไม่ขาดสาย ด้วยความศรัทธา แกเลยขอเปลี่ยนศาสนา
แล้วหันเข้าหาพระเจ้าตั้งแต่วันนั้น จนมาทุกวันนี้แกก็ไม่เคยโดนผีเข้าอีกเลย




ผีม้าบ้อง

สวัสดีค่ะ วันนี้ก็มาพบกับเรื่องเล่า ตำนาน ลี้ลับอีกแล้วนะคะ มาดูว่าวันนี้จะมีเรื่องเล่าหลอนๆเรื่องอะไรมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน ไปดูกันเลยจ้าาาา
ผีม้าบ้อง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ผีม้าบ้อง

ตำนานผีม้าบ้องล้านนามีหลายกระแส บ้างก็ว่า เป็นผีกะที่แก่มากๆจนกลายเป็นผีม้าบ้อง บางตำนานก็ว่าเป็นผีที่ชอบแทะกินหัวควายแห้ง ก็แล้วแต่บางท้องถิ่นจะสืบสานเล่าขานกันไป แต่ที่แน่ๆคือมีคำว่าผีม้าบ้องเป็นคำเรียกชื่อผีเหมือนๆกัน 
สำหรับตำนานนี้อาจแปลกกว่าที่อื่นอยู่บ้างเริ่มตั้งแต่ มีครอบครัวตุ๊กต้ะครอบครัวหนึ่งอยู่กันสามคน พ่อแม่ลูก เฝ้าคอกม้าของพระราชา ต่อมาเมื่อพ่อแม่เสียชีวิตไป เหลือแต่ลูกชายที่ขยันขันแข็งตระหนี่ แม้แต่หัวควายที่ตายแล้วเขาก็ไปแทะเอาเนื้อมากิน ด้วยความที่มัวแต่หากินตลอดชีวิตกลายเป็นบ่าวเฒ่าหรือชายโสดจนสิ้นชีวิต เมื่อตายไปวิญญาณของเขานึกได้ว่าเมื่อเป็นคนไม่ได้แต่งงานไม่รู้รสชาติของ การมีครอบครัว เมื่อตายก็ไม่มีใครมาดูแลศพ ด้วยความคิดดังกล่าวเกิดความอิจฉาริษยาเด็กหนุ่มที่เรียกกันว่า “บ่าวแถ่ว” หรือเด็กชายเริ่มขึ้นหนุ่มเสียงห้าวนั่นเอง เมื่อกลายเป็นผีก็แอบไปเที่ยวตอนกลางคืนกับชายหนุ่มตามหมู่บ้าน แต่ถ้าคืนวันไหนแสงเดือนมัวหม่นสลัวๆ และผีม้าบ้องเกิดอารมณ์คึกเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์บ้องมันแข็ง มันก็จะวิ่งอืนกะหลึ้กๆ…ไปมาตามถนนหนทางในหมู่บ้านหากพบเห็นบ่าวแถ่วเมื่อ ใดผีม้าบ้องก็เกิดความอิจฉาจะใช้เท้าดีดหว่างขาบ่าวแถ่วจนหน้าเขียว ด้วยฤทธิ์เดชผีม้าบ้องดังกล่าวผู้ใหญ่จึงสั่งสอนเด็กชายแรกรุ่นขึ้นหนุ่มหรือเรียกกันว่า “บ่าวแถ่ว” ห้ามออกนอกบ้านยามกลางคืน หากจะเที่ยวต้องไปกับหนุ่มใหญ่ที่มีประสบการณ์แอ่วสาวมาแล้วหากพบผีม้าบ้องก็จะได้ช่วยกันขับไล่
เรื่องผีม้าบ้องจึงเป็นตำนานของชาวล้านนาป้องกันเด็กชายแรกรุ่นหรือบ่าวแถ่วหนีออกนอกบ้านไปเที่ยวกลางคืนได้ดีแท้
ส่วนตำนานอื่นๆ ผีม้าบ้อง นั้นจะเกิดจากปาฏิหาริย์ของผีกะ เมื่อผีกะมีพลังแก่กล้าจะแปลงกายให้คล้ายกับม้า สีของลำตัวโดยมากจะเป็นสีหม่น คนโบราณได้เล่าต่อกันมาว่า ผีกะจะเข้าสิงร่างเจ้าของผีหรือคนในตระกูล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย มักจะเลือกออกในคืนเดือนมืดหรือข้างแรม โดยการพับแขนทั้ง 2 ข้างแนบกับตัว หันด้านศอกไปข้างหน้า สมมุติให้เป็นหูของม้า ใช้ผ้าขาวม้าผูกเอวให้เหลือชายไว้ข้างหลังสมมุติให้เป็นหาง แล้ววิ่งออกไป
สถานที่ผีม้าบ้องชอบวิ่งเข้าออกจะเป็นตรอกซอกซอยแคบๆ คนเมืองเรียกว่า “คลองหน้อย” หรือวิ่งไปตามลำเหมืองที่ไม่มีน้ำ ระหว่างที่ผีม้าบ้องวิ่ง คนที่มีบ้านอยู่แถวนั้นจะได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงวิ่งของวัวควาย มีคนเคยเห็นผีม้าบ้อง แต่ไม่มีใครเคยเห็นหมดทั้งตัว บางคนจะเห็นส่วนข้าง บางคนเห็นเพียงส่วนก้น ว่ากันว่าถ้าคนไปเจอผีม้าบ้อง คนจะถูกทำร้ายหรือครอบงำ “อำ” หรือจะทำให้ป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ ร่างกายจะผอมเหลืองไปทีละน้อย และเสียชีวิตในที่สุด
มีคนที่เคยพบกับความน่ากลัวของผีม้าบ้องเล่าให้ฟังว่า คืนหนึ่งได้ไปแอ่วสาว (คือการไปเที่ยวจีบสาวในเวลากลางคืน ตามประเพณีของคนล้านนาในอดีต) ที่เป็นสายผีกะ ทั้งๆ ที่รู้แล้วแต่ก็อยากจะลองดู ในระหว่างที่นั่งคุยกับสาวอยู่นั้น เขาสังเกตเห็นว่ามีนกฮูกบินโฉบไปมาระหว่างหลังคาเรือนกับต้นไม้ในบริเวณนั้น และส่งเสียงร้องด้วย ตกดึกก็ยังมีเสียงสั่นสะเทือนของเสาเรือน คล้ายกับมีวัวควายวิ่งชนเบาๆ ทั้งที่บ้านหลังนั้นไม่ได้เลี้ยงวัวควายไว้ใต้ถุน หนุ่มคนนั้นจึงไม่กล้าลงจากบ้านคนเดียว ต้องรอเพื่อนๆ ที่กลับจากการแอ่วสาวผ่านมาจึงกลับบ้านได้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาไม่ไปที่บ้านนั้นอีก
 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ผีม้าบ้อง




เจ้าหญิงกับลูกสมุนผี

สวัสดีค่ะ วันนี้ก็มาพบกับเรื่องเล่า ตำนาน ลี้ลับอีกแล้วนะคะ มาดูว่าวันนี้จะมีเรื่องเล่าหลอนๆเรื่องอะไรมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน ไปดูกันเลยจ้าาาา
เจ้าหญิงกับลูกสมุนผี

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เจ้าหญิงกับลูกสมุนผี

หนึ่งในเรื่องผีของสมัยศตวรรษที่19 ซึ่งผู้คนโปรดปรานมากคือเรื่องของเจ้าหญิงทาคิยาชาที่พยายามใช้กำลังผีเข้าต่อสู้ข้าศึก เจ้าหญิงเป็นธิดาของขุนนางซึ่งเสียชีวิตในปี ค.ศ.940 เพราะทำการกบฏไม่สำเร็จ 
หลังจากนั้นเจ้าหญิงจึงไปบวชชีเป็นเหตุให้ได้พบวิญญาณของพ่อมดกบ ซึ่งใช้อำนาจชั่วร้ายช่วยวางแผนต่อสู้กับคู่แค้นเก่าของพ่อเธอ ลูกสมุนของเจ้าหญิงซ่อนตัวอยู่ในวังของพ่อ แต่นักรบซึ่งเป็นคู่แค้นชื่อมิทซุคุมินั้นรู้ทันจึงหนีออกจากวังและปราบทั้งมนุษย์และลูกสมุนที่มีฤทธิ์เหนือธรรมชาติจนสิ้นซาก






ปีศาจสาวหิมะ

สวัสดีค่ะ วันนี้ก็มาพบกับเรื่องเล่า ตำนาน ลี้ลับอีกแล้วนะคะ มาดูว่าวันนี้จะมีเรื่องเล่าหลอนๆเรื่องอะไรมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน ไปดูกันเลยจ้าาาา
ปีศาจสาวหิมะ
ไฟล์:SekienYukionna.jpg

สาวหิมะ หรือ ยูกิอนนะ (ญี่ปุ่น: 雪女 โรมาจิ: yuki onna) ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เป็นชื่อที่ใช้เรียกภูตหิมะที่มีรูปร่างเป็นสตรีที่งดงาม ว่ากันว่าเป็นจิตวิญญาณแห่งฤดูหนาว ซึ่งยูกิอนนะนี้ จะมีลักษณะเป็นผู้หญิงสาวสวย สวมชุดกิโมโนสีขาวสะอาด นางจะปรากฏตัวบนภูเขาหิมะในวันที่มีพายุหิมะ และหลอกล่อให้ผู้ชายที่หลงใหลในความงามของนางไปสู่ความตาย เรื่องเล่าของสาวหิมะมีหลากหลายอยู่ว่า บางครั้งเล่ากันว่าในวันที่หิมะตกหนัก นักเดินทางที่โชคไม่ดี จะได้พบกับสาวหิมะท่ามกลางพายุหิมะที่อันตราย เธอจะสวมกิโมโนสีขาว และค่อนข้างตัวสูง บ้างก็เล่าว่าเธอสวมกิโมโนสีแดง แล้วรอยเท้าที่เธอเดิน เต็มไปด้วยคราบเลือด บางครั้งเชื่อว่าสาวหิมะเป็นวิญญาณของหญิงที่ตั้งครรภ์ ที่ตายเพราะพายุหิมะ และเมื่อใครเดินผ่านมาตามทางแล้วพบเห็นเธอเข้า เธอจะยิ้มแล้วยอมให้คนนั้นอุ้มลูก เหยื่อจะไม่สามารถปล่อยลูกของเธอได้เมื่ออุ้มแล้ว และลูกของเธอจะหนักขึ้นและเย็นจนแข็ง ทำให้เหยื่อขยับไปไหนไม่ได้ และจะจมหิมะตาย
ทว่าเรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงของสาวหิมะ เป็นเรื่องที่มีอยู่ว่า ชายตัดฟืน 2 คน คนหนึ่งยังหนุ่ม ส่วนอีกคนค่อนข้างมีอายุ ติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะไม่สามารถกลับได้ จึงต้องหาที่พักซึ่งเป็นกระท่อมร้างเพื่อหลบหิมะก่อน เมื่อทั้งคู่หลับลง กลางดึกนั้นมีเพียงชายคนที่อายุน้อยกว่ากึ่งหลับกึ่งตื่น เห็นผู้หญิงที่สวมกิโมโนสีขาว หน้าตาซีดเผือด และมีแววตาที่น่ากลัว เป่าลมหายใจใส่ชายคนที่มีอายุกว่า ชายคนที่อายุน้อยกว่าตกใจมากจนพูดไม่ออก แล้วสาวหิมะก็เข้ามากระซิบว่าเธอจะไว้ชีวิตเขา ตราบเท่าที่เขาไม่แพร่งพรายเรื่องของเธอให้ใครรู้ แล้วสาวหิมะก็หายตัวไป เขาพบว่าชายคนที่สูงวัยกว่าได้แข็งตายไปแล้ว
หลังจากนั้น 1 ปีให้หลัง เขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ค่อนข้างสูง หน้าตาซีดเผือด แต่เป็นผู้หญิงที่หน้าตาดี เขาตัดสินใจแต่งงานและอยู่กินกับเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะมีลูกกับเขาถึง 10 คน แต่ความงามของเธอไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยซักนิดเดียว วันหนึ่งสามีก็เกิดหลุดปาก เล่าเรื่องสาวหิมะออกมาให้เธอฟัง เมื่อเธอได้ยิน เธอก็คืนร่างกลับเป็นสาวหิมะตนเดิม ตนเดียวกับที่สามีเคยเจอ ด้วยความเป็นมนุษย์ ฝ่ายสามีเกิดหวาดกลัวภรรยา แต่เพราะว่าเธอเห็นแก่ลูกๆ จึงไว้ชีวิตสามีแล้วหายตัวไป หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้พบกับสาวหิมะนางนั้นอีกเลย
ส่วนใหญ่แล้ว เรื่องเล่าของ ยุกิอนนะ จะปรากฏในทางตอนเหนือของเกาะญี่ปุ่นเสียเป็นส่วนมาก ไม่ว่าจะเป็นทางแถบฮกไกโดหรือทางแถบจังหวัดอิวาเตะ เนื่องจากทางตอนเหนือของญี่ปุ่นจะมีอากาศหนาวเย็น และมีหิมะปกคลุมอยู่เกือบตลอดทั้งปี จึงมีเรื่องเล่าขานของยูกิอนนะ มากกว่าท้องที่อื่นๆ และนอกจากนี้เกมออนไลน์ชื่อดังอย่างเทลส์รันเนอร์ยังใช้เรื่องของสาวหิมะมาทำเป็นการแข่งขันโดยใช้ชื่อเจ้าหญิงหิมะ




ยักษ์ร้อยตา (โทะโดะเมกิ)

สวัสดีค่ะ วันนี้ก็มาพบกับเรื่องเล่า ตำนาน ลี้ลับอีกแล้วนะคะ มาดูว่าวันนี้จะมีเรื่องเล่าหลอนๆเรื่องอะไรมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน ไปดูกันเลยจ้าาาา


ยักษ์ร้อยตา (โทะโดะเมกิ)

ยักษ์ร้อยตา ( โทะโดะเมกิ )

       เป็นยักษ์เพศหญิง ที่มีตาอยู่ใบหน้าและร่างกายเต็มไปหมด เชื่อกันว่าตาเหล่านี้จะมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปหมด ดังนั้นเมื่อถูกยักษ์ตนนี้ไล่ตามไม่ว่าแอบซ่อนอยู่ที่ไหนหลอกก็หาเจอ แต่ไม่เคยมีปรากฏว่ายักษ์ตนนี้ทำร้ายใคร มีเรื่องเล่า (อาจจะเป็นเพียงคำขู่สอนเด็ก) ว่าถ้าใครทำผิดและแอบซ่อนความผิดนั้นไว้จะมีตาขึ้นบนร่างกายทีละตา และจะมีมาเรื่อยๆถ้าคนคนนั้นยังไม่ยอมหยุดทำและสารภาพออกมา




ปิศาจสาวฟันดำ (โอฮาคุโรเบซึตะริ)

สวัสดีค่ะ วันนี้ก็มาพบกับเรื่องเล่า ตำนาน ลี้ลับอีกแล้วนะคะ มาดูว่าวันนี้จะมีเรื่องเล่าหลอนๆเรื่องอะไรมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน ไปดูกันเลยจ้าาาา


ปิศาจสาวฟันดำ (โอฮาคุโรเบซึตะริ)




        หญิงญีปุ่นโบราณนั้นจะต้องย้อมฟันให้เป็นสีดำด้วยนำยาชนิดหนึ่งในวันพิธีแต่งงาน ปีศาจฟันดำนี้จะไม่มีคิ้ว ตา หรือ จมูก จะมีก็แต่..ปากที่แสยะยิ้มอวดฟันดำๆอยู่ตลอดเวลา เชื่อกันว่าเธอเป็นวิณณาญ หญิงสาวคนหนึ่งที่ผิดหวังในเรื่องความรัก เนื่องจากเธอถูกเจ้าบ่าวทิ้งทุ่นในวันแต่งงาน เธอจึงฆ่าตัวตายไปด้วยความแค้นสุมเต็มอก เหยื่อของเธอเป็นชายซะส่วนใหญ่ ( หล่อหรือไม่ ไม่ระบุ ) ถ้าพบเธอให้บอกเธอว่า จะไปขอมาเป็นเมีย  เธอก็จะหายไประวังหนุ่มที่หล่อมากๆเธออาจจะติดใจไม่ปล่อยไปง่ายๆ ก็ได้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ปีศาจสาวฟันดำ


ที่มา:https://my.dek-d.com/cartoon9063/writer/viewlongc.php?id=1057528&chapter=18

ผีที่ถูกล่ามแห่งโบโลญญา

สวัสดีค่ะ วันนี้ก็มาพบกับเรื่องเล่า ตำนาน ลี้ลับอีกแล้วนะคะ มาดูว่าวันนี้จะมีเรื่องเล่าหลอนๆเรื่องอะไรมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน ไปดูกันเล...