ผีตานี
นางตานี เป็นผีผู้หญิง ที่เชื่อกันว่าสิงสถิตอาศัยอยู่ในต้นกล้วยตานี แต่ไม่ใช่ต้นกล้วยทุกต้นที่จะมีพรายตานี มีลักษณะโดยทั่วไปเป็นหญิงงาม นุ่มเครื่องห่มแบบสตรีไทยในสมัยโบราณ สไบสีตองอ่อน นุ่งโจงสีตองแก่ มีกลิ่นกายหอมเหมือนดอกกล้วย เรื่องการเรียกผีนางตานีออกมานั้น มีการเล่าว่ามีวิธีหลายแบบเช่น ปัสสาวะรดโคนต้นกล้วยที่กำลังออกหัวปลีใหม่ๆ
บางคนก็ว่าให้เอาของลับถูกับโคนต้นกล้วย สมัยก่อนชาวบ้านไม่มีใครกล้าปลูกต้นกล้วยตานีไว้ใกล้บ้าน แม้จะปลูกไว้ใกล้บ้าน ถ้าจะมีการตัดใบตองมาใช้ ก็ห้ามไม่ไห้ตัดเอาไปทั้งใบ ต้องเจียนเอามาใช้แต่ใบตองเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องหักก้านออกเสียก่อน เพราะถ้าตัดเอาไปใช้ในบ้านทั้งใบ มีความเชื่อว่าถือเป็นรางร้ายว่าจะมีใครตายลงไปในไม่ช้า
เนื่องจากสมัยก่อนที่มีการใช้ใบตองกล้วยตานีสามใบรองก้นโรงศพนั้นเอง สมัยก่อนพวกชายหนุ่มโสด ถ้าเป็นผู้รู้เรื่องเกี่ยวกับพรายตานี ก็จะไปทำพิธีเซ่นวัก จะมีการไปเกี้ยวนางตานีทุกคืน จนกว่านางตานีจะใจอ่อนและเห็นอกเห็นใจ แล้วเอามีดมาเฉือนตอนโคนกล้วยบริเวณเหมือนเหง้า เอามาแกะสลักเป็นรูปหญิงใส่ตลับหรือภาชระไว้ แล้วทำพิธีเซ่นวักทุกเช้าเย็น และทำอย่างนี้อยู่หลายๆวัน
เชื่อกันว่าพรายตานีจะมาปรากฏตัวในความฝัน เป็นผู้หญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีดั่งที่ใจหนุ่มโสดหมายปอง แล้วนางตานีจะยอมเป็นเมียตนผู้นั้น ในความฝันอีกเหมือนกัน เมื่อได้นางตานีเป็นเมียแล้ว ชายนั้นจะไปมีเมียอื่นอีกไม่ได้ ถ้ามีเมียอื่นอาจจะเป็นอันตรายได้ แต่หากต้องการมีเมียจริงๆ โดยจะต้องขออนุญาตพรายตานีเสียก่อน
พรายนางตานีเป็นเมียที่ดี เมื่อเห็นสามีซื่อสัตย์ไม่ปิดบังความจริงก็จะขออนุญาตให้มีได้เช่นกัน ซ้ำยังจะช่วยให้การนั้นสำเร็จไปด้วย ไม่มีหึงหวง เหมือนเมียมนุษย์ แต่คนสมัยก่อนก็มีความเชื่อที่ต่างออกไปโดยบางกลุ่มเชื่อว่า ผู้ที่ได้นางตานีเป็นเมียนั้นมักจะมีความเป็นไป
เพราะมีความเชื่อกันว่า ผู้ชายจะถูกดูดกลืนพลังชีวิตซึ่งเป็นอันตรายมากตามความเชื่อของลัทธิเต๋าที่เปรียบเทียบว่านางตานีมีพลังหยิน ส่วนผู้ชายมีพลังหยาง นางตานีมีพลังที่อ่อนมากเพื่อทำให้เกิดความสมดุลจึงมีการดูดพลังชีวิต เหมือนคำกล่าวไว้แต่สมัยโบราณว่า คนอยู่ส่วนคน ผีอยู่ส่วนผี คนกับผีอยู่ด้วยกันไม่ได้ ผลข้างเคียงคืออาการสูบผอมเหมือนคนอดอาหาร ซึ่งคนโบราณจะรู้ทันทีว่าผู้นั้นเป็นผัวนางตานี จะมีการนิมนต์พระหรือหมอผีมาทำพิธีแยกให้ทั้งสองคนออกจากกันและอุทิศส่วนกุศลให้นางตานีไปสู่สุขคติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น